เหมียว...ก็เครียดเป็นนะจ๊ะ
เหมียว...ก็เครียดเป็นนะจ๊ะ
แมวใครออกอาการแบบนี้บ้างคะ ไม่ยอมฉี่ หรือไม่ยอมถ่ายบนกระบะทราย เอาแต่ฉี่ปี๊ดๆแบบแนวตั้งไปที่วัตถุเป้าหมาย ไม่ยอมกินอาหาร เอาแต่เลียตัวเอง แถมร้องเหมียวๆ กวนใจ หรือทั้งข่วนทั้งกัดเฟอร์นิเจอร์ อาการที่ว่าเหล่านี้มันอาจไม่ได้มีสาเหตุจากการเจ็บป่วยทางกายเสมอไป อย่าลืมสาเหตุสำคัญอีกประการที่จะพบได้ คือ อาการป่วยทางใจ ทางจิตประสาทของแมว หรือว่ากันง่ายๆ คือ " แมวเครียด " ถึงได้แสดงอาการดังกล่าวออกมา เจ้าของแมวตัวที่มีอาการเหล่านี้คงปวดหัวตุ๊บๆเพราะเครียดตามแมว (หรือเครียดหนักกว่าอีกก็เป็นได้)
วิธีหนึ่งที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ คือ การลดความเครียดของแมวลง ซึ่งผลการแสดงออกของความเครียดจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับความไวในการรับความเครียด และแปลออกมาด้วยอาการผิดปรกติ ซึ่งแมวแต่ละตัวก็จะไม่เหมือนกัน คล้ายๆ กับในคนเราค่ะ อย่างเรามีระดับความอดทนต่อความเครียดอยู่เท่านี้ แล้วเกิดเลยจุดนั้นไปล่ะก็ เราก็อาจ มีผื่นแดงปรากฏขึ้นในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือปวดท้อง เกิดกรดในกระเพาะ หรือรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากะทันกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่แสดงออกมาเมื่อตอบสนองต่อความเครียดนี้เป็นเรื่องของพันธุกรรม
สาเหตุที่แมวเครียด ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการต้องปรับตัวเข้าสังคมใหม่ เช่น แมวตัวที่ไม่ได้รับการยอมรับให้เข้าสังคมในช่วง 6 เดือนแรก มักพบเลยว่า แมวจะแสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน โดยมีอาการไม่เข้าใกล้แมวตัวอื่น ไม่ยอมฉี่หรือไม่ถ่ายบนกระบะทราย หรือแสดงความกลัวตอนกลางคืน หรือปวดท้องเพราะลำไส้ใหญ่บวม และอาเจียน
ข้อแนะนำเพื่อป้องกันแมวเครียด ขอแนะนำว่าให้เริ่มตั้งแต่การเลือกแมวตัวที่จะเลี้ยงเลยค่ะ ควรรับหรือนำแมวมาจากแหล่งที่มีการผสมพันธุ์ที่ดี หรือจากที่ๆ เรารู้จักนิสัยใจคอเจ้าตัวพ่อและตัวแม่ด้วย ถ้าตัดสินใจว่าจะซื้อแมวจากฟาร์มให้ปรึกษาผู้รู้หรือจูงมือผู้ชำนาญในการดูลักษณะนิสัยใจคอของแมวไปช่วยกันเลือกค่ะ วิธีที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นทำความรู้จักกับเจ้าตัวพ่อและแม่ก่อนที่จะพาเจ้าลูกแมวตัวใหม่ไปบ้าน พยายามเรียนรู้นิสัยใจคอของมันให้มากที่สุด ด้วยการใช้สัมผัสที่อ่อนโยน (ซึ่งขอฝากไปถึงท่านผู้เป็นเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์แมวด้วยค่ะว่า ควรใช้สัมผัสที่อ่อนโยน ไม่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าเหมียว) ผู้เลี้ยงควรเลือกซื้อแมวในช่วงอายุ 8 สัปดาห์ แล้วค่อยๆ หัดให้เจ้าเหมียวเข้าสังคม
ในช่วง 6 เดือนแรกให้แนะนำครอบครัว เพื่อนๆ และสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านที่การันตีแล้วว่าปลอดภัยให้มันได้รู้จักค่ะ ด้วยการให้มันทยอยๆ ทำความรู้จักไปทีละคน เช่น ผูกใจเจ้าเหมียวด้วยเกมหรือของขวัญ ของกินเล่นชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ถ้าหากว่าแมวยังแสดงความเครียดออกมา เช่น ไม่ยอมฉี่ หรือถ่ายบนกระบะทราย ยังร้องกวนใจ หรือแสดงอาการก้าวร้าวแล้วล่ะก็ คงต้องปรึกษาสัตวแพทย์แล้วล่ะค่ะ เพราะอาจเป็นปัญหาทางพฤติกรรมเฉพาะอย่างไป ในเวลาเดียวกันเจ้าของต้องแก้ไขสาเหตุของความเครียดซึ่งเราอาจมองข้ามไป ด้วยการลด ละ และเลิกการกระตุ้นความเครียดซึ่งจริงๆ แล้วคุณอาจไม่ได้เจตนา เช่น แหย่หรือเล่นกับมันด้วยของเล่นที่มันไม่ชอบ หรือไม่ถูกกับเจ้าหมาตัวใดตัวหนึ่งในบ้าน แล้วคุณก็ยังพยายามจับคู่ให้มันอยู่ด้วยกันอย่างชื่นมื่น และขอเตือนค่ะว่า ถ้าหากว่าคุณใช้วิธีลงโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เช่น ถ้าแมวยังชอบร้องชวนรำคาญ ยังชอบข่วนหรือกัด แล้วคุณก็สั่งสอน หรือแก้แค้นมันด้วยอาการไม่มอง ไม่พูดคุยด้วย ไม่ลูบขน หรือไม่ให้อาหารมันล่ะก็ ควรหยุดวิธีการหรือความคิดที่ว่า เพราะนั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
ถ้าเครียดมากๆ เข้าอาจพาลทำให้เจ้าเหมียวคิดมากจนหนีออกจากบ้านก็เป็นได้ สิ่งที่ควรระวังคือ ดูแลไม่ให้สัตว์เลี้ยงตัวอื่น หรือเด็กๆ ทำให้แมวตกใจกลัว เพราะบางทีเด็กเล็กๆ ในบ้านมักนึกว่า แมวเป็นของเล่นที่มีชีวิต คิดจะดึงจะทึ้งเล่นได้อย่างสบายใจจนแมวแบบว่าแมวน่วมอ่วมไปทั้งตัว และมันอาจแสดงการตอบโต้โดยกัด หรือข่วนเข้าก็เป็นได้ และควรระวังไม่ให้ไปยุ่งย่ามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แถวๆ ชามข้าว กระบะทราย หรืออยู่ใกล้มุมโปรดหรือที่นอนของมัน แนะนำว่าให้จัดตารางเวลาจัดการกับความเครียดสัก 2 ครั้งต่อวันค่ะ ด้วยการให้ผู้ที่แมวกลัวน้อยที่สุด พาแมวออกไปที่ห้องเงียบๆ ปิดเสียงทุกอย่างให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเพจเจอร์ โทรศัพท์ วิทยุ โทรทัศน์ แล้วใช้เวลาสัก 20-30 นาทีพูดคุย ลูบขนเบาๆ เล่นกับแมวด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน
ขั้นตอนทั้งหมดทั้งสิ้นเหล่านี้จะใช้เวลาพอสมควรค่ะ ในการลดหรือบำบัดความเครียดและช่วยให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น อย่าลืมค่ะว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ ถ้าเรามีเวลาและความตั้งใจจริง และถือคติที่ว่า " รักเหมียวจริง อย่าทิ้งเหมียวไปนะคะ "
ขอขอบคุณ
http://www.petgang.com/funnyread/index.php?Group=32&Id=25